กล่าวกันว่า “หญ้าแม้เป็นพืชต้นเล็กๆ แต่เพราะมีความทนทรหด จึงสามารถแพร่พันธุ์ไปได้ทั่วโลกฉันใด คนเราแม้กำลังทรัพย์ กำลังความรู้
ความสามารถจะยังน้อย แต่ถ้ามีความอดทนแล้ว ย่อมสามารถฝึกฝนตนเอง ให้ประสบความสุขความสำเร็จในชีวิตได้ฉันนั้น” ความอดทน มาจากคำว่า
ขันติ ห ມ ายถึง การรักษาปกติภาวะของตนไว้ได้ ไม่ว่าจะถูกกระทบกระทั่งด้วยสิ่งอันเป็นที่พึงปรารถนา
หรือไม่พึงปรารถนาก็ตามมีความมั่นคงหนักแน่นเหมือนแผ่นดิน ซึ่งไม่หวั่นไหว
ไม่ว่าจะมีคนเทอะไรลงไป ของเสีย ของหอม ของ ส ก ป ຣ กหรือของดีงามก็ตาม
งานทุกชิ้นในโลกไม่ว่าจะเป็นงานเล็กงานใหญ่ ที่สำเร็จขึ้น มาได้นอ กจากจะอาศัยปัญญาเป็นตัวนำแล้ว
ล้วนต้องอาศัยคุณธรรมอันหนึ่งเป็นพื้นฐานจึงสำเร็จได้ คุณธรรมอันนั้นคือ ขันติ ถ้าขาดขันติเสียแล้ว จะไม่มีงานชิ้นใดสำเร็จได้เลย
เพราะขันติเป็นคุณธรรมสำหรับทั้งต่อต้านความท้อถอย ห ด หู่ ขับเคลื่อนเร่งเร้าให้เกิดความขยัน และทำให้เห็นอุปสรรคต่างๆ
เป็นเครื่องท้าทายความสามารถ ดังนั้นอาจกล่ าวได้ว่า ความสำเร็จของงานทุกชิ้น
ทั้งทางโลกและทางธรรม คืออนุสาวรีย์ของขันติทั้งสิ้น โดยเหตุนี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงตรัสว่า “ยกเว้นปัญญาแล้ว
เราสรรเสริญว่าขันติเป็นคุณธรรมอย่ างยิ่ง” ลักษณะความอดทนที่ถูกต้อง
๑ มีความอดกลั้น คือ เมื่อถูกคนพ า ล ด่ า ก็ทำราวกับว่าไม่ได้ยิน
ทำหูเหมือนหูกระทะ เมื่อเห็นอาการยั่วยุ ก็ทำราวกับว่าไม่ได้เห็น ทำตาเหมือนตาไม้ไผ่ ไม่สนใจใยดี ไม่ปล่อยใจให้เศร้าหมองไปด้วย ใส่ใจ สนใจ แต่ในเรื่องที่จะทำความเจริญให้แก่ตนเอง
๒ เป็นผู้ไม่ดุร้ า ย คือ สามารถข่ ມความโกรธไว้ได้ ไม่โกรธ
ไม่ทำร้ า ຢทำอัน ต ร า ย ด้วยอำนาจแห่งความโกรธนั้น ผู้ที่โกรธง่ายแสดงว่ายังขาดความอดทน
๓ ไม่ปลูกน้ำตาให้แก่ใครๆ คือ ไม่ก่อ ทุ ก ข์ให้แก่ผู้อื่น
ไม่ทำให้ผู้อื่นเ ดื อ ดร้ อ น หรือเจ็บ แ ค้ น ใจจนน้ำต า ไหล ด้วยอำนาจความเกรี้ ย ว ก ราด ของเรา
๔ มีใจเบิกบานแจ่มใสอยู่เป็นนิตย์ คือ มีปีติอิ่มเอิบใจเสมอๆ ไม่พย าบาท
ไม่ໂ ท ษฟ้า ໂ ท ษฝน ໂ ท ษเทวด า ໂ ท ษโชคชะตา หรือໂ ท ษใครๆ ทั้งนั้น พย าย ามอดทนทำการงานทุกอย่ างด้วยใจเบิกบาน ลักษณะความอดทนนั้น
โบราณท่านสอนลูกหล านไว้ย่อๆ ว่า“ปิดหูซ้ายขวา ปิดตาสองข้าง ปิดปากเสียบ้าง นอนนั่งสบาย”
“พวกที่จน ก็ทนจนต่อไป ไม่ขวนขวายทำมาหากิน จัดเป็นพวก ด้านชา”
“พวกที่โง่ ก็ทนโง่ไป ใครสอนให้ก็ไม่เ อ า จัดเป็นพวก ดื้อด้าน”
“พวกที่ชั่ ว แล้วก็ชั่ วอีก ใครห้ามก็ไม่ฟัง จัดเป็นพวก ดื้อดึง”
ลักษณะที่สำคัญยิ่งของขันติ คือ ตลอดเวล าที่อดทนอยู่นั้น
จะต้องมีใจผ่องใส ไม่เศร้าหมอง เราสรุปลักษณะของขันติโดยย่อ ได้ดังนี้
๑ อดทนถอนตัวหรือหลีกเลี่ยงจากความชั่ วให้ได้
๒ อดทนทำความดีต่อไป
๓ อดทนรักษาใจไว้ไม่ให้เศร้าหมอง
ความอดทนแบ่งตามเหตุที่มากระทบได้เป็น ๔ ประเภท คือ
๑ อดทนต่อความลำบากตรากตรำ เป็นการอดทนต่อสภาพธรรมชาติ
ดินฟ้าอากาศ ความหนาว ความร้อน ฝนตก แดด ออ ก ฯลฯ ก็อดทนทำงานเรื่อยไป
ไม่ใช่เอาแต่ໂ ท ษเทวด าฟ้าดิน หรืออ้างเหตุเหล่ านี้แล้วไม่ทำงาน
๒ อดทนต่อทุกขเวทนา เป็นการอดทนต่อ การเจ็บไข้ได้ป่วย
ความไม่สบายกายของเราเอง ความป ว ด ความเมื่อย ผู้ที่ขาดความอดทนประเภทนี้
เวลาเจ็บป่วยจะร้องครวญคราง พร่ำเพ้อรำพัน หงุดหงิด ฉุนเฉียวง่าย
ผู้รักษาพย าบาลทำอะไรไม่ทันใจหรือไม่ถูกใจ ก็โกรธง่าย พวกนี้จึงต้องป่วยเป็น ๒ เท่า คือ นอ กจากจะป่วยกายที่เป็นอยู่แล้ว
ยังต้องป่วยใจแถมเข้าไปด้วย ทำตัวเป็นที่น่าเ บื่ ວหน่ายแก่ชนทั้งหล าย
๓ อดทนต่อความเจ็บใจ เป็นการอดทนต่อความโกรธ ความไม่พอใจ
ความขัดใจ อันเกิดจากคำพูดที่ไม่ชอบใจ กิริยามารยาทที่ไม่งาม
การบีบคั้นทั้งจากผู้บังคับบัญชาและลูกน้อง ความอยุติธรรมต่างๆ ในสังคม ระบบงานต่างๆ ที่ไม่คล่องตัว ฯลฯ
คนทั้งหล ายในโลกแตกต่างกัน มากโดยอัธย าสัยใจคอ โอ กาสที่จะได้ อย่างใจเรานั้นอย่ าพึงคิด
เพราะฉะนั้น เมื่อเริ่มเข้าหมู่คนหรือมีคนตั้งแต่สองคนขึ้นไป ให้เตรียมขันติไว้ต่อต้านความเจ็บใจ
๔ อดทนต่ออำนาจกิเลส เป็นการอดทนต่ออารมณ์อันน่าใคร่น่าเพลิดเพลินใจ
อดทนต่อสิ่งที่เราอย ากทำ แต่ไม่สมควรทำ การอดทนข้อนี้ทำได้ย ากที่สุด
โบราณเปรียบไว้ว่า “เขาด่าแล้วไม่โกรธ ว่ายากแล้ว เขาชมแล้วไม่ยิ้ม ยากยิ่งกว่า”
วิธีฝึกให้มีความอดทน
๑ ต้องคำนึงถึงหิริโอตตัปปะให้มากเมื่อมีความละอาย
และเกรงกลัวต่อบาปอย่ างเต็มที่ ความอดทนย่อมจะเกิดขึ้น
๒ ต้องรู้จักเชิด อารมณ์ที่มากระทบนั้นให้สูงขึ้น นึกเสียว่า ที่เขาทำแก่เราอย่ างนั้นน่ะดีแล้ว
เช่น เขาด่า ก็นึกเสียว่าดีกว่าเขาตี ถ้าเปรียบกับการชกมวย การสู้แบบนี้ก็คือ การหลบหมัดของคู่ต่ อ สู้
โดยวิธีหมอบลงต่ำให้หมัดเขาคร่อมหัวเราไปเสีย เราไม่เจ็บตัว
๓ ต้องฝึกสมาธิมากๆ เพราะทั้งขันติและสมาธิเป็นคุณธรรมที่เกื้อหนุนกัน
ขันติจะหนักแน่นก็ต้องมีสมาธิมา รองรับ สมาธิจะก้าวหน้าก็ต้องมีขันติเป็นพื้นฐาน
ขันติอุปมาเหมือน มือซ้าย สมาธิอุปมาเหมือน มือขวา
จะล้ างมือ มือทั้งสองข้างจะต้องช่วยกันล้ าง จึงจะสะอาดดี
อานิสงส์การมีความอดทน
๑ ทำให้กุศลธรรมทุกชนิดเจริญขึ้นได้
๒ ทำให้เป็นคน มีเสน่ห์ เป็นที่รักของคนทั้งหล าย
๓ ทำให้ตัดรากเหง้าแห่งความชั่ วทั้งหล ายได้
๔ ทำให้อยู่เย็นเป็นสุข ทุกอิริย าบท
๕ ชื่อว่าได้เครื่องประดับอันประเสริฐของนักปราชญ์
๖ ทำให้ศีลและสมาธิตั้งมั่น
๗ ทำให้ได้พรหมวิหารโดยง่าย
๘ ทำให้บรรลุมรรคผลนิพพานโดยง่าย
“บุคคลอดทนต่อคำของผู้สูงกว่าได้ เพราะความ ก ลั ว อดทนถ้อยคำของผู้เสมอ กันได้ เพราะเหตุแห่งความแข่งดี ส่วนผู้ใดในโลกนี้ อดทนต่อคำของคน เ ล ว กว่าได้ สัตบุรุษทั้งหล ายกล่ าวว่า ความอดทนนั้นสูงสุด”