15 สิ่งที่ไม่ควรเสียเวลา ชีวิตจะถอยหลัง ไม่มีความสุข

ความฝันที่เคยวาดไว้ เป้าห ม ายที่เคยหวังไว้ ไม่ใช่แค่ความพยายามเท่านั้นที่จะพาเราไปถึงฝั่นฝันได้สำเร็จ

สมาธิและสุขภาพจิตก็เป็นเรื่องสำคัญ หากเราหวั่นไหวหรือเสียเวลาไปกับสิ่งเหล่านี้ หรือคนประเภทนี้ ชีวิตเราก็ก้าวหน้าได้ยาก

1 เพื่อนขี้นินทา

ถึงแม้ว่าการเม้าท์กันจะเป็นเรื่องสนุกมากๆ ที่ทำให้เราได้รู้เห็นเรื่องชาวบ้านกันทั่ว

แต่ถ้าเพื่อนคนไหนนิสัยขี้เม้าท์ชนิดว่านินทาคนอื่นได้ไม่มีชิ้นดี

แม้กระทั่งคนใกล้ตัวก็เอามาเผาซะจนเจ้าตัวแทบไม่เหลือข้อดีไว้เลย

เพื่อนประเภทนี้ ควรห่างๆ ไว้ อย่าให้พื้นที่และเวลาไปกับเขาให้มาก

เพราะนอกจากจะให้พลังลบกับเราบ่อย ๆ สักวัน เราเองก็จะถูกเม้าท์ไปในทางเสีย ๆ หาย ๆ ได้ไม่ยาก

2 เพื่อนจอมขอ

เป็นเรื่องเข้าใจกันได้ว่าคนเรามีฐานะไม่เท่ากันอยู่แล้ว การช่วยเหลือกันในยามตกทุกข์ได้ยาก

เป็นเรื่องที่ดี แต่…อะไรที่มากเกินไป ย่อมส่งผลเสียมากตามไปด้วย ใครก็ตามที่ชอบมาขอเรา

จ้างวานเรา ใช้เราให้ทำอะไรให้บ่อย ๆ ควรห่างกันไว้ ปล่อยให้เขาได้ช่วยเหลือตนเองบ้าง

บางทีการใกล้ชิดกันเกินไป หรือเราเองไม่รู้จักปฏิเสธ นั่นก็ทำให้เขาไม่รู้จักโตเสียที แล้วเราต้องมาคอยรำคาญอยู่ร่ำไป

3 การติดกับ comfort zone

ความรู้สึก ‘ พอ ‘ กับ ‘ ยังไม่พัฒนา ‘ มีเส้นบาง ๆ กั้นอยู่ หากความเป็นจริง เรายังต้องการพัฒนาตนเอง

ให้ไกลกว่านี้ เช่น อยากได้เงินเดือน มากกว่านี้, อยากมีรูปร่างที่ดี

ก็ควรพาตัวเองออกจาก comfort zone ( จุดที่คิดว่าตนเองไม่ต้องการอะไร ทั้งที่ความจริงยังต้องการอีกมาก )

อย่าขี้เกียจ อย่าย่อท้อต่อความย ากลำบาก ‘ ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จก็อยู่ที่นั่น ‘

4 ให้โอกาสคนพร่ำเพรื่อ

การให้โอกาสคนจะเป็นเรื่องที่ดี ก็ต่อเมื่อคน ๆ นั้นทำให้เราเห็นว่าแต่ละครั้งที่เราให้โอกาส

เขาพัฒนาตนเองไปมากแค่ไหน อย่ าใจดีเกินเหตุกับคนที่กี่ครั้งก็ทำตัวเหมือนเดิม, ทำเราเสียใจ,

พาไปเจอความล้มเหลวอยู่เรื่อย เราไม่ใช่ยอดมนุษย์นะที่จะมีพลังเท่าไหร่ก็ได้ ถนอมตัวเราเองไว้บ้าง

5 อยู่กับคนขี้บ่น ขี้หงุดหงิด

เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์เราที่จะต้องมีหงุดหงิดบ้าง บ่นบ้าง เพื่อระบายความทุกข์ในใจออกมา

แต่ใครที่บ่นบ่อยมาก เจอหน้ากี่ครั้งก็บึ้งตึง ตำหนิคนนั้นคนนี้ไปเรื่อยจนเป็นนิสัย

คนประเภทนี้อย่ าเข้าใกล้ดีกว่า เพราะพลังลบของเขาอาจส่งผลต่อจิตใจเราให้ลบตามไปด้วย

เผลอ ๆ สักวัน เราเองนี่แหละที่จะทำตามเขาไปด้วย เพราะจิตใจและสมองเราซึบซับ

ไปโดยอัตโน มัติ ( สมองคนเราจดจำและซึมซับสิ่งรอบตัวไวกว่าที่คิดนะจ๊ะ )

6 คนที่มีข้ออ้างได้เสมอ

อย่ าฝากความหวังไปกับคนที่ยังไงก็ไม่มีเวลาให้เรา อ้างนั่นอ้างนี่ได้เก่ง สละคิวให้กับคนที่พร้อมกว่านี้

หรือไม่ก็ไม่ต้องคาดหวังใคร ไม่ต้องรอใคร อะไรทำด้วยตัวเองได้ ก็ทำเลย!

7 คนเก่ง แต่ขี้หวง

เก่งแต่ขี้หวง เป็นจอมกั๊ก ถ้าไม่จำเป็น อย่ าไปเสียเวลาง้อเขาให้มาก คนที่ไม่ยอมแบ่งปันอะไรเลย

มักจะเป็นคนที่คิดว่าตัวเองเก่งที่สุด เจ๋งที่สุด อย ากโดดเด่นที่สุดโดยไม่เห็นความสำคัญของมิตรภาพ

ปล่อยให้เขาบินเดี่ยวไปอย่างนั้นแหละ ขื นพาเข้าทีมด้วยกัน ลำบากใจเปล่า ๆ ที่จะต้องโดนข่ มอยู่เรื่อย

8 คนที่ทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว

คนที่ไม่รับฟังเรา วันยันค่ำ เราก็เป็นคนที่ผิดจนได้ อย่ าเสียเวลากับคนประเภทน้ำเต็มแก้ว

เพราะความคิดเห็นของเรา การกระทำของเราจะดูไร้ค่าเสมอ

จนเราต้องกลับมาแอบร้องไห้คนเดียว ทั้ง ๆ ที่บางทีเราก็ทำถูกแล้ว

9 คนที่ไม่มีสัจจะ ไม่ทำตามที่รับปากไว้

ไม่ควรคาดหวังหรือเสียเวลากับคนเลื่อนลอย ปลิ้นปล้อน เอาแน่เอานอนไม่ได้

เพราะหากเกิดอะไรขึ้น เขาจะเป็นคนแรก ๆ ที่เอาตัวรอดก่อนเสมอด้วยเล่ห์เหลี่ยมต่าง ๆ

และเราจะเป็นคนที่รับทุกข์แทนคนอื่นเสมอ

10 คนที่คอยสรรหาวิธีโจร

ไม่ใช่เรื่องที่เสียหาย หากเราจะใช้ทางลัดเพื่อถึงเป้าห ม ายได้ไวขึ้น แต่ทางลัดนั้นต้องไม่ใช่วิถีแบบผิดกฎห ม าย

ผิดศีลธรรม หรือเป็นทางที่อาจทำให้ใครต้องเดือดร้อนในภายหลังได้ เพื่อนคนไหนก็ตามที่คอยยุแหย่

ให้เราทำอะไรที่เสี่ยงอยู่เสมอ คอยอยู่ห่าง ๆ ไว้ คุยกันได้ ทักทายกันได้

แต่อย่าคลุกคลีกัน มาก เพราะเขาอาจพาเราซวยได้

11 การหลับนอน

การตื่นเช้า คือกำไรของชีวิต ‘ หากไม่ได้ทำงานกลางคืน หรือมีกิจวัตรในแต่ละวันที่เป็นเวลาไม่แน่นอน

ควรหาเข้านอนไม่เกิน 3 ทุ่ม ตื่นเช้าสักตี 5 หรือ 6 โมงเช้า เพื่อสูดอากาศดี ๆ ออกกำลังกาย

มองโลกในแง่มุมที่ไม่เคยมองมาก่อน การนอน มากเกินไปอาจทำให้เรารู้สึกสบาย

แต่ไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ ทำให้เรารู้สึกโหยหาเวลานอน ติดนิสัยขี้เกียจ และทำให้เราตื่น มาแล้ว

รู้สึกว่าไม่มีเวลามากพอจะทำอะไรได้หมดตามที่คิดไว้ในหัว … ถ้าอยากให้แต่ละวันทำกิจกรรมได้

หลายอย่างตามเป้าห ม ายที่วางไว้ ก็แค่ตื่นให้เร็วขึ้นหน่อย แค่นั้นเอง

12 การสังสรรค์

การสังสรรค์ทำให้เราพบสังคมกว้างขึ้น เปิดโลกทัศน์ได้กว้างขึ้น แต่หากมากเกินไปก็เป็น

การสิ้นเปลืองเงินและเสียสุขภาพโดยใช่เหตุ หากไม่ใช่การสังสรรค์เพื่อคุยธุรกิจ, คอร์สพัฒนาตนเอง,

หรือคอร์สเพิ่มพูนทักษะอะไรก็ตาม อย่ าเปลืองเงิน เปลืองเวลาออกไปเลย

13 การกดดันตัวเองให้เป็นคนด้อย

อย่ าบอกว่าทำไม่ได้ ถ้ายังไม่ได้ทำ ‘ อย่ าเพิ่งตื่นตระหนก กดดันตัวเอง จนกลายเป็นสะกดจิตตัวเองว่า

’ ทำไม่ได้ ‘ ถามใจตัวเองให้ดีว่าพอจะสู้ได้ไหม? มีโอกาสได้ลองหรือยัง?

การตื่นตระหนกไปก่อนอาจทำให้เราพลาดโอกาสดี ๆ ที่จะพัฒนาตัวเองนะ

14 นั่งอ่ า นคอมเม้นท์แย่ ๆ, เรื่องซุบซิบนินทา

ตื่นขึ้น มาก็รีบคว้ามือถือกดดูเฟสบุ๊กว่ามีข่าวฉาวอะไร? ใครนินทาใคร? มีเรื่องอะไรให้เผือก?

เป็นการใช้เวลาที่เพลินดี แต่…ไม่ได้ประโยชน์อะไร! เพราะท้ายที่สุดแล้ว

มันก็แค่เรื่องสนุกปากชั่ วครั้งชั่ วคราว เลื่อนผ่าน ๆ ตาได้ และควรใช้เวลาไปกับการอ่ า น content

ที่มีส า ระดี ๆ, บทสัมภาษณ์ดี ๆ, ความรู้ที่เราไม่เคยรู้มาก่อน

แบบนี้โอเคกว่าเยอะ ได้ทั้งความรู้และแรงบันดาลใจดี ๆ ด้วยนะ

15 เถียง/แก้ข่าวแบบไม่รู้จักหยุด

ไม่จำเป็นต้องไล่อธิบายให้ทุกคนได้เข้าใจว่าเราเป็นคนแบบไหน เพราะบางคนก็ยึดมั่นในความคิดตนเองมาก

ชนิดที่ว่าต่อให้มีข้อมูลใหม่ ก็ยังจะปักใจเชื่อแบบเดิมเช่นนั้น เพราะฉะนั้น ควรปล่อยไป

มันเป็นเรื่องที่ยิ่งพูดก็ยิ่งเหนื่อย เสียเวลาเปล่า ๆ’ การที่เราหยุดก่อน ไม่ได้แปลว่าเราแพ้ ‘

ใครจะคิดอย่ างไรก็ช่างเขา ตัวเรารู้ตัวดีก็พอแล้ว ทุกคน มีเวลาในแต่ละวัน 24 ชั่ วโมงเท่ากัน

แต่เวลานั้นจะมีค่ามากหรือน้อย ก็ขึ้นกับว่าเราใช้ไปกับอะไรบ้าง หากต้องการชีวิตที่มีคุณภาพ

เราก็ต้องรู้จักวางแผนที่จะใช้เวลาไปกับคนคุณภาพ สิ่งที่มีคุณภาพ อย่าเสียเวลากับสิ่งที่บั่นทอนจิตใจ

หรือคนที่มีพลังงานลบ เราไม่จำเป็นต้องเก็บทุกคนหรือทุกสิ่งไว้ในใจ ตัดออกบ้างก็ได้ คัดออกบ้างก็ดีนะ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.