“….สามีมาขอหย่า และไปมีผญ.ใหม่ จะทำอย่างไรดีคะ เพิ่งแต่งงานกันได้ปีกว่าๆ เอง เราไม่อยากหย่าเพราะคิดว่าเขาอาจเผลอใจ หวังว่าเขาจะคิดได้และกลับตัวกลับใจมาปรับความเข้าใจกัน…”
เราได้ถามกลับไปว่าอะไรทำให้เธอหวังอย่างนั้น เธอตอบว่า “…เวลาที่คบกัน มา 5-6 ปี สิ่งดีๆ และความสุขต่างๆ น่าจะทำให้เมื่อเขาเลิกห ลงผญ.คนนั้น และเมื่อเราหายไป เขาน่าจะได้คิดว่าใครอยู่เคียงข้างเขามาตลอด…”
เราถามต่อว่าหากเขาเลิกกับผญ.คนนั้นแล้ว มีอะไรที่เธอจะมั่นใจได้ว่าเขาจะไม่มีปัญหาอย่างเดิมอีก
เธอตอบว่า “…เราไม่ได้ทะ เลาะกันเลยค่ะ ตอนที่เราระแคะระคายและจับได้ และได้คุยกับผญ.คนนั้น รุ่งขึ้นเขาก็ขอเลิก ขอหย่า
โดยเขายกเหตุผลร้อยแปดพันข้อเพื่อบอกว่าไม่ทนแล้ว เ บื่ อ อยากหยุดความสัมพันธ์… ที่จะมั่นใจว่าไม่เกิดปัญหาอีก เพราะจากเหตุผลที่เขายกมา เรายอมรับและตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น…”
ที่ยกเรื่องนี้มาคุยก็เพราะอยากให้คนที่มีปัญหาคล้ายคลึงกันได้มองเห็นอะไรบางอย่าง ข้อความในย่อหน้าแรกนี้
เป็นช่วงที่เหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นใหม่ๆ คนเรามักจะอยู่ในช่วงเวลาตกใจ เสียใจ สับสน กลัว ถัดจากนั้นอีกสักพักหนึ่ง
เธอก็เขียน มาระบายต่อ คราวนี้เริ่มมีความโกรธ และเธอเองก็ตัดสินใจเก็บข้าวของแยกออกมาอยู่บ้านพ่อแม่ของเธอ ช่วงนี้คนเราจะโกรธ หงุดหงิดงุ่นง่าน วิตกกังวลส า รพัด
หลังจากนั้น เธอหายไปอีกพักหนึ่ง แล้วก็เขียน มาปรึกษาใหม่ ตอนนี้เธอเริ่มรู้สึกหมดหวัง เศร้า ไปบอกแม่สามี
แต่แม่สามีก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไร และตัดสินใจสู้ คือจะหย่าก็หย่า เธอเริ่มปรึกษาทนายความและญาติพี่น้องเพื่อนฝูง
เหตุการณ์ผ่านไปอีกเป็นเดือน เธอพยายามขอนัดเจอสามีเพื่อเคลียร์ปัญหาต่างๆ แต่สามีก็บ่ายเบี่ยงไม่ยอมมาเจอ
จะเห็นได้ว่าแม้เธอจะตัดสินใจหย่าแล้ว แต่พอผ่านไปเธอก็อยากหวนกลับไปเจรจากัน ด้วยความหวังอันเลือนรางลึกๆ ว่าจะยังพอมีโอกาสรักษาชีวิตสมรสของเธอไว้ได้
แต่ในที่สุดเมื่อเวลาผ่านไปอีกจนกระบวนการตามธรรมชาติของการดูแลจิตใจของมนุษย์ครบรอบสุกงอม เธอเขียน มาบอกว่าเธอยอมรับแล้วว่าชีวิตสมรสของเธอไปไม่รอด
และป่วยการที่จะพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเธอเองเพื่อคนอื่น เธอยอมรับโดยดุษณีว่าการหย่าเป็นทางออกที่ดีที่สุด
เธอจะไม่เสียใจที่ตัดสินใจอย่างนั้น ในขณะเดียวกันสามีของเธอ เมื่อเหตุการณ์ผ่านไป ก็ได้มีโอกาสสำรวจจิตใจและความต้องการของตัวเอง
ในที่สุดทั้งสองคนก็สามารถนัดเจอกันและจัดการปัญหาเรื่องการหย่าร้างและการแบ่งทรัพย์สมบัติที่หามาได้ร่วมกันอย่างไม่มีปัญหา
ใครต่อว่าต่อขานว่าใครเป็นคนผิด ต่างฝ่ายต่างยอมรับว่าต้องการหย่า ไม่มีใครพยายามเยื้ อไว้ให้วุ่นวายใจ ไม่ต้องเสียค่าทนายเสียเวลาในการฟ้ องร้อง
เรื่องราวของเธอเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับคนสมัยใหม่ที่ใจร้อน อยากให้ทุกอย่างเป็นไปหรือจบไวๆ ตามที่ตนต้องการ แต่กระบวนการยอมรับความสูญเสียหรือยอมรับปัญหาของมนุษย์นั้น
ต้องใช้เวลาและมีขั้นตอน 5 ขั้นตอน คือ ปฏิเสธ โกรธแค้น หมดหวังเศร้าใจ ต่อรอง และยอมรับได้ในที่สุด
เมื่อเกิดปัญหาเรื่องความสัมพันธ์เราจึงไม่ควรด่วนสรุป ด่วนตัดสินใจ แต่ปล่อยให้จิตใจของเราได้ค่อยๆ ใช้เวลาในการดูแลจิตใจของเราเองตามขั้นตอนธรรมชาติ อย่างนี้จึงจะแฮปปี้เอนดิ้งค่ะ