เมื่อแรกรัก อะไรๆ ก็ดูสวยงามไปหมด อีกฝ่ายแอบตดก็ห ลงว่าคงเป็นกลิ่นน้ำหอม พอนานไปกลิ่นอะไรๆ ก็เริ่มชัดเจน จากแน่ใจกลายเป็นไม่ใช่อย่างที่คิด
ความเป็นตัวเองคุณต้องทำตัวแอ๊บๆ
ตลอดเวลาอยู่กับเธอหรือเปล่า? หรือเป็นตัวของตัวเองได้ดี ถ้าคุณสามารถบอกถึงสิ่งที่ชอบ แสดงออกซึ่งรสนิยม บ่งนิสัยส่วนตัวอย่างเปิดเผย คุณก็จงไปต่อได้เลย
เพราะนั่นคือ สัญญาณความสุขอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ถ้าไม่… หรือคุณยังไม่กล้าเป็นตัวเอง 80%
แถมยังรู้สึกอึดอัดที่ต้องหลบๆซ่อนๆ ความเป็นตัวเองเอาไว้ กลัวว่าเธอจะไม่ชอบ แบบนี้ไปต่อได้ยากจริงๆ
มองโลกมุมเดียวกันไม่จำเป็นที่คุณและเธอ
จะต้องคิดเห็นตรงกันไปซะทุกอย่าง ขัดแย้งกันบ้างก็ไม่เป็นไร แต่ในเรื่องของมุมมอง-ทัศนคติ อันนี้เป็นสิ่งสำคัญ
เพราะคนสองคนต้องมีอะไรคล้ายกัน มักส่งผลดีต่อชีวิตคู่ ขอยกตัวอย่างเล่นๆ เช่น คุณเป็นบุรุษผู้ไม่ชอบพิธีการ
ต้องการคบกันไปเรื่อยๆ นานๆ แบบไม่รีบร้อนแต่งงาน แต่เธอมีความพร้อมและชอบงานพิธีเอามากๆ
ขณะที่คุณมองเป็นเรื่องเล็ก เธอกลับมองเป็นเรื่องใหญ่ แค่นี้ก็ไปกันคนละทางซะแล้ว
ระดับความเชื่อใจต้องดูให้ดีก่อนว่า
แฟนของคุณคบเผื่อเลือกไหม? เพราะความไว้ใจที่มากจนเกินไป ก็มักง่ายต่อการถูก “สวมเขา”
ดังนั้นคุณจงมองอะไรๆ ให้กระจ่าง แต่ถ้าทั้งคู่เชื่อใจ ไว้ใจซึ่งกันและกันเป็นอย่างดี ความสัมพันธ์ของชีวิตรักก็ย่อมแฮปปี้ดี้ด๊าแน่นอน
ตั้งข้อแม้แค่ไหนรู้ไหมว่า
เงื่อนไขบางอย่าง สามารถทำให้ความสัมพันธ์ถึงทางตันโดยไม่รู้ตัว แนะนำว่าแค่ปรับไปตามความเห มาะสมจะดีกว่า อย่าพยายามจะเปลี่ยนใคร เพื่อความพอใจของตัวเองอยู่เลย
เพราะไม่มีใครสามารถเป็นคุณในร่าง 2 ได้ง่ายๆ เมื่อวันใดวันหนึ่ง ความรักเดิน มาถึงจุดจืดจาง
ความเป็นตัวเองก็จะทะลักสันเขื่อนจนแตกเอาได้ ฉะนั้น อย่าตั้งบรรทัดฐานไว้สูง จนอีกฝ่ายปีนไม่ถึง
ความเคารพซึ่งกันและกันถ้าขาดความเคารพไป
แล้วอะไรจะเกิดอะไรขึ้น! ขื นคุณไม่ไว้หน้าเธอ แถมยังชอบหักหน้ากันตามที่สาธารณะ หรือคุณก็ยังกระโดดข้ามหัวเธออยู่เรื่อยๆ ความสัมพันธ์ชนิดคบกัน มีแต่เรื่องราวลำบากใจ
ต่อให้เริ่มต้นความสัมพันธ์จากความเป็นเพื่อน แต่เมื่อคบหาจนเปลี่ยนเป็นคนรักแล้ว
การให้เกียรติกันก็ยังสำคัญที่สุด เพราะสุดท้าย… ไม่มีใครที่จะได้ประโยชน์จากการกระทำแบบสะใจนี้จริงๆ หรอก