เหตุผลที่สาวๆ ควรบอกเลิกแฟน

ความรักเป็นเรื่องที่บอบบาง ฉะนั้นก่อนจะตัดสินใจทำอะไรควรจะคิดให้รอบคอบเสียก่อน โดยเฉพาะสาว ๆ ที่กำลังอยู่ในภาวะเ บื่ อแฟนไม่อยากเจอหน้า

จนอยากจะบอกเลิกให้รู้แล้วรู้รอดกันไป เพราะหากพูดออกไปแล้วหนุ่ม ๆ น้อยคนนักที่จะโอกาสกลับมาคืนดีอีกครั้ง

ถ้าเป็นเช่นนั้นตอนนี้ลองคิดหาคำตอบจากคำถามเหล่านี้ดูก่อนดีกว่า ว่าพร้อมจะใช้ชีวิตโดยที่ไม่มีเขาได้หรือยัง

1. ขาดการดูแลเอาใจใส่

ตลอดหลายเดือนหรือหลายปีที่ผ่าน มา หากเขาดูแลใส่ใจอย่างดีมาโดยตลอด และคอยช่วยเหลือในทุก ๆ เรื่อง ทั้งงาน เพื่อน ครอบครัว สังคม พร้อมยอมรับฟังทุกปัญหา

ไม่ว่าเรื่องราวนั้นจะเล็กน้อยมากขนาดไหน อาจมีที่ขาดตกบกพร่องไปบ้างแต่สามารถมองข้ามไปได้ ก็ไม่ควรเก็บเอามาเป็นอารมณ์

แต่หากการกระทำของแฟนตรงกันข้ามกับที่พูดมา ดูแลแค่ในช่วงโปรโมชั่นหลังจากนั้นไม่ต่างอะไรจากตอนที่อยู่ตัวคนเดียว อาจถึงเวลาที่ต้องมองหาคนใหม่แล้วล่ะ

2. โดนรังแกทั้งร่างกายและจิตใจ

หากเจอหนุ่ม ๆ ลักษณะนี้ไม่ต้องคิดอะไรมากเลยควรรีบถอยออกมาให้เร็ว ก่อนที่ความรุนแรงจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะแฟนไม่ใช่ที่รองรับอารมณ์ของใคร

แต่เป็นการร่วมกันแชร์ความรู้สึกดี ๆ และหาทางออกไปพร้อม ๆ กันเมื่อเกิดปัญหา นอกจากนี้แม้อยู่ในอารมณ์ไม่พอใจหรือรู้สึกโกรธเคือง ควรจะคุยกันตรง ๆ ไม่ใช่ใช้ความรุนแรงเข้ามาตัดสิน

3. มีปัญหาเรื่องมือที่ 3 ตลอด

ปัญหาใหญ่ที่ทำให้หลายคู่ถึงขั้นเลิกรากัน มาแล้ว เพราะถ้ารักกันจริงคงไม่มีคนอื่น โดยเฉพาะคนที่มีนิสัยเจ้าชู้เป็นพื้นฐานเดิม และไม่สามารถเลิกได้

ยังคงติดต่อกับคนอื่น ๆ ในเชิงชู้สาวขณะที่กำลังคบกันอยู่ ก็ไม่มีเหตุผลที่จำเป็นจะต้องทนอยู่ในสถานการณ์แบบนี้อีกต่อไป แต่หากเกิดจากความผิดพลาดห ลงผิดไปชั่วขณะหรือเป็นครั้งแรก ลองให้โอกาสและอภัยให้เขาสักครั้งคงไม่เป็นไร

4. ติดตามทุกฝีก้าว

หากหนุ่มที่กำลังคบอยู่เป็นประเภทที่ชอบวางอำนาจ พยายามจะเข้ามาควบคุมชีวิต โดยการติดตามตลอดทุกการเคลื่อนไหว

ไม่ว่าจะไปไหน มาไหนหรือทำอะไรก็ตาม อีกทั้งยังบังคับให้ทำตามที่ต้องการตั้งแต่การใช้ชีวิตไปจนถึงเรื่องการเข้าสังคม ซึ่งคงไม่ดีแน่ ๆ หากต้องทนฝืนคบต่อไป เพราะอาจจะต้องทนอยู่กับความอึดอัดไปตลอดเวลา

5. ไม่มีเวลาให้

ถึงแม้เขาจะดีพร้อมไปทุกด้านและเห มาะสมกันทุกอย่างทั้งการศึกษา ฐานะและหน้าตา แต่ถ้าหากเขาไม่มีเวลาให้กันเลย

กว่าจะได้เจอกันสักครั้งก็เลื่อนนัดกันเป็นว่าเล่น หรือแค่โทรศัพท์มาถามไถ่สา รทุกข์สุขดิบยังทำให้ไม่ได้ ลองเปิดใจให้โอกาสตัวเองได้เจอกับคนใหม่ ๆ ที่มีเวลาดูแลใส่ใจ ออกไปเที่ยว ทานข้าวด้วยกันบ้างน่าจะดีกว่า

6. เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่

โดยปกติแล้วคนรักกันควรจะถามความเห็นซึ่งกันและกัน ยอมรับความคิดของอีกฝ่าย หรือปรับตัวเข้าหากันบ้างตามสมควร ไม่ใช่ยึดเอาความคิดของตัวเองเป็นที่ตั้ง

พูดอะไรก็ไม่เคยสนใจฟัง หรือยอมให้กันเลยแม้แต่นิดเดียว นอกจากนี้ยังทำให้เรารู้สึกแย่กับตัวเองบ่อยครั้ง ทั้งเรื่องหน้าตา การแต่งตัว ไลฟ์สไตล์ส่วนของเขาดีเลิศไปเสียทุกอย่าง หากเจอหนุ่มประเภทนี้ก็ขอบายไปได้เลย

7. ไม่ให้เกียรติซึ่งกันและกัน

การให้เกียรติกันไม่ได้ห มายถึงแค่การกระทำเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงเรื่องคำพูดจาและความคิดด้วย หากเขาปฏิบัติดีทุกอย่างเสียแค่คำพูดของเขาเพียงอย่างเดียว

ลองชั่งน้ำหนักดูแล้วกันว่าจะสามารถทนฟังคำพูดร้ า ย ๆ หรือหักหน้ากันบ่อย ๆ เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นได้หรือไม่ และลองคุยกับเขาตรง ๆ สักครั้ง เพื่ออะไร ๆ จะดีขึ้น แต่ถ้าผลลัพธ์ที่ได้ยังเหมือนเดิมก็ไม่จำเป็นต้องทนอีกต่อไป

8. ไม่มีความรับผิดชอบ

เมื่อตัดสินใจคบกันแล้วก็ต้องมองถึงเรื่องอนาคตกันเป็นธรรมดา เพราะคงไม่มีใครที่อยากจะคบเล่น ๆ คุยแก้เหงาไปวัน ๆ เท่านั้นหรอก

ฉะนั้นหากที่ผ่าน มาเขาตั้งใจทำงานเก็บเงิน วางแผนอนาคตเอาไว้แล้วคงไม่น่าเป็นห่วงเท่าไร แต่สำหรับบางคนที่ยังติดเกม สนุกกับการเที่ยวเล่น

ไม่เคยคิดถึงอนาคตร่วมกันเลย หรือแม้แต่เพื่อนฝูงยังไม่เคยพาไปแนะนำตัวให้รู้จัก คงไม่ต้องหวังอะไรไปมากกว่านี้อีกแล้ว

9. แอบมีใจให้คนอื่น

หากสาว ๆ เป็นฝ่ายที่นอกใจเสียเอง ไม่ใช่แค่การกรี๊ดกร๊าดหนุ่มหล่อแบบทั่วไป แต่มีการติดต่อพูดคุยกับคนอื่น และบังเอิญก็โดนใจมากเสียด้วย

จนถึงขั้นอยากจะเลิกกับคนปัจจุบัน มาคบกับคนใหม่ หรือแอบมีกิ๊กโดยไม่รู้สึกผิดเลยสักนิด เพียงเท่านี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าถึงเวลาที่ควรจะปล่อยเขาไปให้เจอกับคนที่เขาจริง ๆ เพราะรั้งเอาไว้มีแต่เจ็บทั้งสองฝ่ายเปล่า ๆ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.