แม้ว่าชีวิตคู่ของแต่ละคน มักมีรูปแบบที่แตกต่างกันไปตามความสบายใจและความเป็นตัวเองของบุคคลนั้น ๆ อยู่แล้ว
แต่ท่ามกลางความแตกต่างเหล่านั้นก็ยังมีจุดร่วมบางอย่างที่ทำให้หลาย ๆ คนสามารถเกิดความรู้สึกคล้าย ๆ กันได้ในบางสถานการณ์
โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่การกระทำของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเริ่มทำให้ความไม่สบายใจก่อตัวขึ้นในความรู้สึกของอีกฝ่าย ซึ่งหลายครั้งสาเหตุของความไม่สบายใจนั้นก็แอบคล้ายคลึงกันอยู่ไม่น้อย
1. เก็บความสัมพันธ์นี้เป็นความลับ
บางคนเลือกที่จะเก็บหรือปกปิดความสัมพันธ์ที่ตัวเองยังไม่แน่ใจว่าจะนำพาทั้งคู่ไปไกลได้แค่ไหน แต่บางคนก็ปกปิดมันเอาไว้เป็นความลับเพราะแท้จริงแล้วยังแอบมีอีกคนที่เกิน มาในความสัมพันธ์
หรืออาจจะยังไม่สามารถก้าวข้ามความรู้สึกที่ยังมีต่อรักครั้งเก่าได้หรืออาจจะแย่กว่านั้น อย่างไรก็ตามอย่าลืมว่าคนที่รักและแคร์คุณจริง ๆ จะภูมิใจและพร้อมที่จะบอกคนอื่นเสมอว่ามีคุณเป็นคนรัก
2. ทำให้ไม่ห ลงเหลือความเป็นตัวเอง
หนึ่งปัญหาใหญ่ในความสัมพันธ์ของคู่รักก็คือสิ่งที่เรียกว่า การละทิ้งตนเอง ไม่ว่าจะเป็นทางด้านความรู้สึก (เพิกเฉยต่อความรู้สึกตัวเอง)
ด้านการเงิน (ใช้จ่ายอย่างไม่มีความรับผิดชอบ) หรือด้านจิตใจ (ปล่อยให้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับคนรักของคุณมากเกินไป เพียงเพื่อให้ความรักครั้งนี้ไปต่อได้)
การรู้จักที่จะรักตัวเองเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญก่อนจะให้ความรักกับผู้อื่นต่อ เมื่อใดก็ตามที่คุณเริ่มเรียนรู้ที่จะรักตัวเองแทนที่จะละทิ้งตนเองแล้ว คุณก็จะได้ค้นพบวิธีสร้างความรักที่ดีในความสัมพันธ์ของคุณกับคนรัก
3. ทำอะไรก็ตามที่อาจทำร้ า ยสุขภาพของคุณ
ไม่ว่าจะเป็นเพียงการทำให้คุณสูญเสียความตั้งใจที่จะไปฟิตเนสเพื่อออกกำลังกาย หรือหนักขึ้นอย่างการคอยแต่จะให้คุณลองบุหรี่หรือกลับมาสูบมันหลังจากที่คุณตัดสินใจเลิกไปแล้ว
หรือแม้แต่การคะยั้นคะยอให้คุณดื่มเครื่องดื่มมึนเมาเกินกว่าที่คุณสบายใจจะดื่ม เพื่อมอมหรือเพื่อความสนุกส่วนตัวก็ตาม
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งที่คอยแต่จะขีดขวางไม่ให้คุณมีสุขภาพที่ดีหรือแข็งแรงขึ้นได้ ทางที่ดีก็ไม่ควรปล่อยให้ใครก็ตามมาสั่งหรือบังคับให้คุณทำอะไรที่จะเป็นผลเสียต่อตัวเองหรือทำให้ตัวเองอ่อนแอลง ไม่ว่าจะเป็นสภาพร่างกายหรือจิตใจ
4. เลิกทำกิจกรรมหรืองานอดิเรกที่ชอบ
ประโยคที่ว่า “คุณคือทุกสิ่งทุกอย่างของฉัน” เป็นเพียงเนื้อเพลงที่ออกจะเพ้อฝันและเกินจริงไปหน่อยในความเป็นจริง หนำซ้ำยังไม่ใช่ต้นแบบความคิดที่ดีต่อการวางแผนความสัมพันธ์ด้วย
เพราะในความเป็นจริงแล้ว ไม่มีใครที่สามารถเป็นทุกสิ่งทุกอย่างให้อีกคนได้ เพราะทุกคนล้วน มีความเป็นตัวของตัวเอง
รวมถึงมีสิ่งที่ชอบโดยส่วนตัวที่ต้องการจะทำมันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นความต้องการเวลาว่างไปเล่นเกม โยคะ เข้าวัด ชมงานศิลป์ หรืองานดนตรี เป็นต้น
โดยส่วนใหญ่แล้วในบรรดาความชอบทั้งหมดที่คนหนึ่งคน มีนั้น ก็คงจะมีสักอย่างสองอย่างที่ไม่ได้อยู่ในความสนใจของอีกฝ่าย ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร
ถ้าหากทั้งคู่ยังเคารพในความแตกต่างของกันและกัน ไม่บังคับให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งละทิ้งสิ่งที่ตนเองชอบเพียงเพราะอีกคนไม่ชอบมัน
คุณจะต้องสร้างความสัมพันธ์อื่น ๆ ในโลกใบนี้นอกเหนือจากความสัมพันธ์แบบคนรักกับคนรักของคุณบ้าง
ไม่งั้นท้ายที่สุดแล้วการยึดติดให้มีกันเพียงสองคนหรือตามใจแค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโดยไม่แคร์ความต้องการของตัวเองไปเรื่อย ๆ อาจทำให้ความสัมพันธ์นี้ไม่สามารถไปต่อด้วยดีได้ถึงปลายทาง
5. เปลี่ยนตัวเองให้เป็นเหมือนคนอื่น
คนรักที่ดีและรักกันจริง ๆ จะไม่มีทางขอให้อีกฝ่ายเปลี่ยนตัวเองไปเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวตนของตัวเองจริง ๆ อย่างแน่นอน เพราะคนรักกัน มักจะรักในสิ่งที่คน ๆ นั้นเป็น
รักในตัวตนที่แท้จริงของเขา อย่างไรก็ตามการขอให้เปลี่ยนตัวเองให้เป็นเหมือนคนอื่นในที่นี้ ไม่ได้ห มายถึงการปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น การแนะนำ
หรือตักเตือนอะไรก็ตามที่เป็นผลดีต่ออีกฝ่าย แต่มุ่งเน้นไปที่เรื่องของการเปลี่ยนตัวตน อย่างการที่ผญ.คนหนึ่งไม่ชอบแต่งตัวตามแฟชั่นจึงอาจจะไม่ได้สวยปังในทุก ๆ วันที่เดินด้วยกัน
หรือการที่ผช.คนหนึ่งชอบเก็บเงินบางส่วนเอาไว้ ไม่อยากใช้เงินฟุ่มเฟือยไปกับของใช้ที่ไม่จำเป็น มากเกินไป จึงไม่ซื้อของแบรนด์เน มให้คนรักบ่อยนัก เป็นต้น
แน่นอนว่าในชีวิตคู่ของทุกคนจะต้องมีบางสิ่งบางอย่างที่ต้องค่อย ๆ ปรับเข้าหาให้เกิดความสบายใจและความพอดีในสัมพันธ์ แต่ไม่ใช่การขอให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเปลี่ยนแปลงตัวเองไปเป็นอีกคนที่อีกฝ่ายอยากให้เป็น
เพราะฉะนั้นคำพูดจำพวก “ทำไมเธอไม่เป็นเหมือนผญ.คนนั้นบ้าง” หรือ “ถ้าเป็นเขา เขาจะไม่มีทางทำแบบนี้แน่” ไม่ควรเกิดขึ้นในความสัมพันธ์ของใครก็ตาม