บางที . . . เคยคิดว่า การได้ ‘พูด’ จะทำให้เข้าใจ แต่บางที การไม่พูดอะไรเลย คงดีเหมือนกัน
อย่างตอนใครสักคน กำลังจะไป . . . หากจะพูดอะไร ให้เป็นเหตุผล
ให้เป็นการลาที่ดี ให้ยังรู้สึกดี หรือจะเพื่อทำร้ า ยจิตใจ หรือไม่ให้ตัวเองผิด ก็ดูเหมือนจะจำเป็น แต่สิ่งที่เป็นผล คือ ยังไงก็ต้องไป
ดูเหมือน ที่พูดมาทุกอย่างก็ไม่มีค่าแล้ว แม้ต้องการสร้างความรู้สึกใดๆ ก็ตามในใจคนฟัง
เพราะสิ่งเดียวที่เหลืออยู่คือความว่าง เพราะนานไป แม้กระทั่ง ‘ความทรงจำ’ มันอาจไม่ช่วยอะไร เพราะความจริง คือ มันอาจทำร้ า ยเราด้วยซ้ำ
ที่ว่าให้เก็บความทรงจำดีๆ นั้น เพื่ออะไรล่ะ? ทั้งที่เราต้องจมกับความทรงจำนั้นๆ แล้วร้องไห้ แต่คนๆ นั้นกำลังไปสร้างความทรงจำใหม่
สิ่งที่จะพูดนั้น มัน มาจากความอึดอัด ความไม่สบายใจ ความคิดที่ว่าจำเป็นต้องพูด
เพื่ออะไรก็แล้วแต่ . . . แต่สิ่งที่คนฟังมี ไม่มีทางพ้นคำว่า ‘เสียใจ’ นั้นจะเป็นความรู้สึกเดียว ที่เหลืออยู่
ไม่มีใครหรอก ที่จะไม่รู้สึกถึงมันเลยสักนิด กับการต้องสูญเสียคนที่รักไป
แม้จะบอกว่า . . . เขากำลังจะมีความสุข ฉัน ‘รัก’ เขา ฉันก็พอใจแล้ว
อย่าเลยนะ โกหกคนอื่นน่ะทำได้ แต่น้ำตาที่ไหลออกมา มันโกหกตัวเองไม่ได้หรอก
ใจที่เหนื่อยล้า จะฝืนยิ้มได้ก็แค่นั้น เพราะดวงตาก็คงไม่ยิ้มด้วย
ช่างเหน็บเหนื่อยเหลือเกิน หากยังต้องมากลั้นน้ำตา
เวลายืนฟังใครคนนั้นพูดบางอย่างออกมา เพราะยังไง ดียังไง เค้าก็ไป . . .
แต่หลายคน ก็ยังดื้นขอฟัง . . . เหตุผล . . . ที่ไป ความรู้สึกที่เหลือ
ความจริงหรืออะไรก็ตาม… ที่คิดว่ายังเป็นความหวัง
แต่แล้วหากมันไม่ช่วยอะไร นอกจากตอกย้ำความรู้สึก เดินออกมาดีกว่าไหม . . .
อย่างน้อย แม้จะเป็นคนโดนทิ้ง แต่ก็เป็นคนที่ไม่ต้องเห็นด้านหลัง คนที่จากไป
มันน่าเศร้าจะตๅย หากเห็นเค้ากำลังเดินจากไป แล้วเค้าก็คงไม่เห็นน้ำตาเราด้วย . . .
เหตุผลเดียวที่คนเราจะเลิกกัน คือ ไม่รักแล้ว