“ความรัก” ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่มนุษย์มีอยู่มากมายราวกับว่าจะไม่มีวันหมด
แต่สิ่งที่มนุษย์มีอยู่จำกัดจนดูเหมือนคับแคบเห็นแก่ตัว ก็คือ “ความอดทน”
ยิ่งรักมากก็ยิ่งต้อง “อดทน” กับปัญหาต่างๆ รอบข้าง เพื่อรักษาความรักนั้นไว้ให้ยั่งยืน
แต่ เมื่อใดที่สิ้นรักเมื่อนั้น “ความอดทน” ก็หามีไม่
สิ่งใดที่เคยทนได้ก็กลับแปรเปลี่ยนไป
สิ่งใดที่เคยเห็นดี เห็นชอบ กลับกลายเป็นขวางหูขวางตา
ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายหนึ่งกระทำต่อตนอย่างเสมอต้นเสมอปลาย
ท้ายที่สุดเราเป็นฝ่ายทอดทิ้งให้ความรักนั้นต้องจบลง
บางครั้งความรักนั้นอาจจบลงทั้งๆ ที่ความรู้สึกรักของเรายังมีอยู่เต็มหัวใจ
เพียงแต่การถูกกระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า
จนกระทั่ง “ความอดทน” บอกให้เราต้องไป…ไปทั้งที่ยัง “รัก”
เพราะหากรักแล้วต้องเจ็บ ต้องช้ำ ทางเลือกที่ดีที่สุดก็น่าจะห มายถึง
“การจากไปในวันนี้เพื่อที่จะเข้มแข็งและลุกขึ้นได้ใหม่ในวันข้างหน้า” อย่างนั้น มิใช่หรือ ?
“รักและน้ำตา” หากรักแล้วต้องร้องไห้ไปตลอดชีวิต
ก็ขอเลือกที่จะร้องไห้สองสามวันแล้วยิ้มไปตลอดชีวิตที่ดีกว่า”
สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับตัวเองแล้วล่ะนะ ว่าจะร้องไห้ไปตลอดชีวิต หรือร้องไห้แค่วันนี้แล้วยิ้มไปตลอดชีวิต
ชีวิตเรา ๆ สามารถเลือกเองได้จริงมั้ย?
“คนร่วมทาง” คนเราคบหาร่วมทางกัน มีค่าตรงที่รู้จักกัน
คนเรารู้จักคุ้นเคยกัน มีค่าตรงที่รู้ใจกัน
คนเรารู้ใจกันแล้วจากกัน มีค่าตรงที่อยู่ในความทรงจำที่ดีของกัน
“ถึงรักอย่างไรก็อย่าให้ตาบอด เมื่อวันหนึ่งความอดทนบอกเราว่าถึงเวลาแล้ว ก็ควรจะรับฟังไว้บ้างแล้วกัน เราเป็นผู้กำหนดชีวิตของเรา”
บางครั้งคนเราก็รู้นะว่าควรต้องทำยังไง แต่ถามว่เมื่อเกิดขึ้นกับตัวเองจริงๆแล้ว จะทำได้หรือไม่เท่านั้นเอง ความรักและน้ำตา มัน มาคู่กันเสมอ