การที่คนเราจะอยู่ด้วยกันได้นาน จะต้องมีความเหมือน มีความสอดคล้องกัน
เช่นสอดคล้องกันในเรื่องของ ‘ศีล’ ศีลในที่นี้หมายถึงความประพฤติปฏิบัติ
หากว่าเป็นคนที่มีความประพฤติปฏิบัติ ไปในแนวทางเดียวกัน เช่นเป็นคนที่ชอบทำบุญ
ไม่ต้องการเบียดเบียน ใฝ่ในธรรมะ อันนี้ก็จะอยู่กันได้นาน
พูดง่าย ๆ คือมีการดำเนินชีวิตไปในแนวทางเดียวกัน แต่ถ้าสวนทางกันหรือไม่เหมือนกัน… ก็อยู่ด้วยกันได้ยาก
เช่น คนหนึ่งอยากรวย แต่อีกคนใฝ่ธรรม คนหนึ่งโลภเพราะคิดว่ามีเงินจึงจะมีความสุข
แต่อีกคนเห็นว่าการสละการปล่อยวางมีความสุขกว่า อย่างนี้ก็อยู่กันลำบาก อยู่ด้วยกันไม่ยืด
นอกจากศีลแล้ว ประการต่อมาก็คือ การแบ่งปัน หรือ ‘จาคะ’
คือต้องมีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เหมือนกัน ถ้าหากบางคนตระหนี่ก็จะอยู่กับคนที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ไม่ได้ เพราะฉะนั้นต้องมีความเหมือนกันในแง่นี้ด้วย
‘ ศรัทธา’ และ ‘ปัญญา’ ก็เช่นกัน มีศรัทธาคล้าย ๆ กัน มีปัญญาเสมอกัน ก็อยู่กันได้นาน
ธรรมทั้ง ๔ ประการเรียกว่า ” สมชีวิธรรม ” คือ ธรรมที่ทำให้คู่สมรสมีชีวิตที่กลมกลืนกัน ครองคู่กันได้นาน
เรื่องนี้สำคัญมากคือการมีสาระของชีวิตสอดคล้องไปในทางเดียวกัน แต่ว่าถ้าต่างกันหรือสวนทางกัน
จะอยู่ด้วยกันลำบาก สรุปก็คือสิ่งที่จะทำให้อยู่ด้วยกันได้ดีที่สุดคือธรรมะ
หากมีธรรมะเหมือนกันก็จะยึดเหนี่ยวประสานน้ำใจให้เป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้น
อาตมาเชื่อว่ารักแท้มีจริงนะ แต่ว่ารักแท้มันมีหลายลักษณะ ความรักของแม่ที่มีต่อลูกก็เป็นรักแท้
ความรักของลูกบางคนที่มีต่อแม่ก็เป็นรักแท้ ความรักระหว่างสามีภรรยาที่เป็นรัก แท้ก็มี
ในสมัยพุทธกาลก็มีคู่ตัวอย่าง คือนกุลบิดาและนกุลมารดา ทั้งคู่เป็นคนที่ดีมาก
เป็นผู้ที่ใฝ่ธรรม มีศีลเสมอกัน มีจาคะเสมอกัน มีปัญญาและศรัทธาเสมอกัน พระพุทธเจ้ายกย่องว่านี่เป็นคู่ตัวอย่าง
ทั้งสองคนเคยทูลพระพุทธเจ้า อย่าว่าแต่การนอกใจทางกายเลย แม้แต่คิดนอกใจไม่เคยมี เรียกว่ามีความซื่อสัตย์มั่นคงต่อกันมาก
ขณะเดียวกันก็ไม่ได้ยึดมั่นถือมั่นที่จะให้ต่างฝ่ายต่างมาปรนเปรอตัวเอง
ทุกคนก็ดำเนินชีวิตบนทางแห่งธรรมะ แต่ว่าเดินเคียงคู่กัน อันนี้คือสิ่งสำคัญ
คู่รักที่แท้จะมองไปในทิศทางเดียวกัน เดินเคียงคู่กัน แต่ไม่ผูกมัดกัน แล้วก็ไม่พึ่งพากัน
ทุกคนต่างเดินไปข้างหน้าเหมือนกัน แต่ว่าช่วยเหลือกันและเดินเคียงคู่กัน
พระพุทธเจ้าตรัสสืบเนื่องจากพระนกุลบิดาและนกุลมารดาว่า ถ้าหวังจะอยู่ด้วยกัน มีชีวิตคู่ร่วมกันทั้งในชาตินี้และ
ชาติหน้า พึงเป็นผู้มีศีล จาคะ ปัญญา ศรัทธา เสมอกัน คำตรัสดังกล่าวแสดงว่า เนื้อคู่มีอยู่จริง
เนื่องจากได้ทำความดีต่อกัน มีทั้งศรัทธา ศีล จาคะ ปัญญามาในชาติที่แล้ว มาชาตินี้ ก็จะได้มาเจอกันและได้เป็นคู่ครองกันอีก