“ แม้น มี วาสนา ” ขอแค่ “ บ้านแสนสงบสุข ”
ไม่หวัง อัครสถานหลังโตมั่นคง หากแต่ “ แข็งแรงอบอุ่น ด้วยความรักใคร่กลมเกลียว ”
ไม่หวัง บ้านสวยงามเลิศหรู หากแต่ “ งามหมดจรดด้วยจิตใจ ของครอบครัว ที่ ปรารถนาดีต่อกัน ”
ไม่หวัง พร้อมสรรพสิ่งแวดล้อม แห่งสวนสวรรค์ หากแต่ เป็นสังคมเอื้อเฟื้อ รายล้อมด้วย เพื่อนบ้านเป็น มิตร
ขอแค่มี “ งานที่รัก เป็นเสาหลักรายได้ ”
ไม่หวัง งานที่มีหน้ามีตาอวดใครๆ หากแต่ เป็นงานที่ ทำแล้ว มี “ ความสุข นายดี เพื่อนดี ลูกน้องดี ”
ไม่หวัง รายได้มหาศาล หากแต่ สมความสามารถติดตัว เลี้ยงดู ครอบครัวได้
“ สำคัญ ” คือ ไม่มีหนี้สิน จากสินทรัพย์เสื่อมราคา เพื่อ รักษาหน้าตา ในสังคม
ขอแค่มี “ คู่ชีวิต ” ที่เข้าใจกัน ไม่หวัง ว่าต้องดีที่สุด หากแต่ ดีสมกัน ศีลเสมอกัน
ไม่หวัง ว่าสวย-หล่อลากดิน หากแต่ เดินไปด้วยกัน แล้ว “ ส่งเสริม ”
ไม่หวัง เป็นช้างเท้าหน้า-เท้าหลัง หากแต่ เดินเคียงกันไป ในทุกวันดี-ร้ า ยด้วยรอยยิ้ม ขอแค่ “ ลูกเป็นคนดี ” ของสังคม
ไม่หวัง ยัดเยียดให้ลูก เป็นที่หนึ่งในทุกด้าน หากแต่ มี “ ปัญญาเอาตัวรอด ” เลี้ยงดูตัวเองได้
ไม่หวัง ให้ลูกโดดเด่นนำสมัย หากแต่ อ่อนน้อมถ่อมตน รู้กาลเทศะ มีมารยาท จนใครๆ ที่ได้รู้จัก “ เมตตาเอ็นดู ”
และ “ สำคัญ ” คือ มีปัญญา แยกแยะชั่ ว-ดี อย่าให้ใคร ด่ามาถึงพ่อแม่ว่า “ ไม่สั่งสอน ” ขอแค่บั้นปลาย แห่งชีวิตที่สุขภาพดี
ไม่หวัง บั้นปลายประสบความสำเร็จ เป็นตำนาน หากแต่ มี “ สุขภาพที่ดี ตามวัย ” ไม่มี โ ร คภัยไข้เจ็บทรมานตัวเอง และคนรอบข้าง
ไม่หวัง ลูกหลานคลานหมอบ “ รอรับมรดกสมบัติเอาหน้า ” หากแต่ ลูกหลานรักรู้คุณ น้อมรับมรดก แห่ง “ วาสนา ” ต่อไป เป็น มรดกล้ำค่า
สุดท้าย หากยังเหลือ “ วาสนา ” ไม่หวัง งานศ พแห่ง “ เกียรติยศ ” หากแต่ ลมหายใจ สุดท้ายที่สงบ พร้อมหน้า ลูกหลานร่ำลา